วันเสาร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

8 สิ่งที่คนญี่ปุ่นนึกถึงช่วงวันปีใหม่

8 สิ่งที่คนญี่ปุ่นนึกถึงช่วงวันปีใหม่

อย่างแรกเป็นของประดับบ้านช่วงปีใหม่ของญี่ปุ่นเรียกว่า Kadomatsu (門松)
Kadomatsu ทำจากไม้ไผ่และกิ่งสน อาจจะเพิ่มเติมสิ่งของมงคลอย่างอื่นไปบ้างแล้วแต่รสนิยมของแต่ละท้องถิ่น แต่โคโดมัตสึจะถูกจัดวางไว้สองฟากฝั่งประตู บริเวณทางเข้าบ้าน หรืออาคารสำนักงาน เพื่อต้อนรับเทพเจ้าแห่งวันปีใหม่ที่จะนำความสุขและความโชคดีลงมาสู่โลกมนุษย์ในปีใหม่
ของแต่งบ้านช่วงปีใหม่นั้นก็มีอีกอย่าง เรียกว่า Kagamimochi (鏡餅)
Kagamimochi เป็นของแต่งบ้านปีใหม่ ที่ทำออกมาเพื่อบูชาเทพเจ้าแห่งวันปีใหม่ โดยจะจัดวางไว้ที่ Tokonoma ซึ่งเป็นพื้นที่เล็กๆ ที่ถูกจัดไว้เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของบ้าน Kagamimochi นั้นจะมีโมจิกลมๆ สองลูกวางซ้อนกันอยู่ (ตัวแทนพระจันทร์กับพระอาทิตย์) เมื่อพ้นช่วงปีใหม่ไป ประมาณวันที่ 11 มกราคม โมจิทั้งสองลูกก็จะถูกกินเพื่อเสริมสิริมงคลให้กับคนในบ้าน
อย่างต่อมา นักช้อปทั้งหลายคงจะชอบ เรียกว่า Fukubukuro (福袋)หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ Lucky Bags (ถุงนำโชค) นั่นเอง
Fukubukuro ส่วนใหญ่จะรวมสินค้าหลายๆ อย่างไว้ภายใน ผู้ซื้อจะไม่รู้เลยว่ามีอะไรอยู่บ้าง แต่มูลค่าของสินค้ามักจะมากกว่าราคาที่จ่ายไป 2 - 3 เท่า (จากราคาขายปลีก) ปกติก็จะมีการจำหน่ายเจ้าถุงนำโชคนี่กันในวันที่ 2 หรือ 3 มกราคม ซึ่งเป็นวันที่ห้างร้านต่างๆ เปิดเป็นวันแรกของปี ซึ่งก็ดีเพราะลูกค้าจะได้มีโอกาสลุ้น "โชคดี" ของตัวเองรับปีใหม่กันด้วย
อย่างที่สี่ เข้าสู่หมวดของกินกันแล้ว เรียกว่า Osechi-ryori (お節料理)
อาหารปีใหม่ของชาวญี่ปุ่น เพื่อนำโชคดีและสุขภาพแข็งแรงมาให้ในปีใหม่ แต่ละภูมิภาคของญี่ปุ่นก็จะมีสไตล์เป็นของตัวเอง ส่วนประกอบของอาหารแต่ละอย่างก็จะมีความหมายดีๆ พิเศษๆ ทั้งนั้น ซึ่งอาหารจะถูกจัดวางอย่างสวยงามภายในกล่องอาหาร อาจจะเป็นกล่องใหญ่ชั้นเดียว หรือขนาดย่อมๆ หน่อยแต่หลายชั้นก็ได้ เพื่อให้สมาชิกในครอบครัวรวมถึงแขกที่มาอวยพรปีใหม่ได้รับประทานร่วมกัน
อย่างที่ห้า ยังคงเป็นอาหารมงคลช่วงปีใหม่ เรียกว่า Zoni (雑煮)
Zoni เป็นซุปโมจิใส่เนื้อไก่ ปลาและผักต่างๆ ส่วนประกอบและรสชาติก็จะต่างกันไปในแต่ละพื้นที่ (แต่แอบส่วนตัวนิ๊ดนึง ก็ถ้าเป็นอาหารมงคลช่วงปีใหม่ของญี่ปุ่น จะชอบกินเส้นโซบะปีใหม่ที่เรียกว่า โทชิโคชิโซบะ (Toshikoshi soba 年越し蕎麦) มากกว่า มีความหมายดีเหมือนกัน ประมาณว่าเจริญรุ่งเรืองและอายุยืนยาวนาน เรื่องของเรื่องก็คือเราว่ามันกินง่ายกว่าซุปโมจิอ่ะ^^)
อย่างต่อไป มารู้จักกับ ส.ค.ส ฉบับญี่ปุ่นกันบ้าง เรียกว่า Nengajo (年賀状)
อันที่จริง Nengajo ก็เป็นการ์ดธรรมดาๆ ที่ส่งไปอวยพรปีใหม่ให้กับญาติพี่น้อง เพื่อน และเจ้านายนั่นแหล่ะ ชาวญี่ปุ่นจะส่งการ์ดนี้กันก่อนสิ้นเดือนธันวาคม แต่จุดเด่นของ Nengajo ก็คือทางไปรษณีย์เขาจะรีบจัดส่งให้ถือมือผู้รับทั้งหมดในวันที่ 1 มกราคม ซึ่งคงจะทำให้ผู้รับมีความสุขกับคำอวยพรปีใหม่กันมากทีเดียว แถมบน Nengajo แต่ละใบก็จะมีตัวเลขกำกับอยู่ด้วย ใครโชคดีอาจจะถูกรางวัลพิเศษได้โชคใหญ่รับปีใหม่เลยก็ได้ (ส.ค.ส. แบบนี้อยากได้กันใช่มั้ยล่ะ)
อย่างที่เจ็ดนี้ เด็กๆ จะชอบกันมาก เรียกว่า Otoshidama (お年玉)
Otoshidama ก็คือเงินปีใหม่ ประมาณอั่งเปาของชาวจีน เด็กๆ จะได้รับจากพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย หรือลุงป้าน้าอา เป็นเงินรางวัลที่ปีที่แล้วเป็นเด็กดี และหวังว่าปีใหม่จะทำตัวเป็นเด็กดียิ่งๆ ขึ้นไป อารมณ์ก็จะประมาณนั้น...
อย่างสุดท้ายนี้ ใครๆ ก็ทำกันช่วงปีใหม่ นักท่องเที่ยวอย่างเราๆ ก็ไม่พลาด นั่นคือ Hatsumode (初詣)
Hatsumode ก็คือการไปวัดหรือศาลเจ้าเพื่อขอพรปีใหม่นั่นเอง ใครอยากให้ปีใหม่เป็นปีที่ดี มีโชค มีลาภ สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง จะขออะไรก็จัดหนักกันไปตั้งแต่วันปีใหม่เลย ซึ่งศาลเจ้าที่คนญี่ปุ่นนิยมไปขอพรปีใหม่กันมาก ก็เห็นจะเป็นศาลเจ้าอันดับหนึ่งของญี่ปุ่น ศาลเจ้าอิเสะ (Ise Jingu) รวมถึงศาลเจ้าอิซุโมะ (Izumo Taisha) และศาลเจ้าเมจิ (Meiji Jingu)
เห็นได้ชัดว่าสิ่งต่างๆ เหล่านี้ คนญี่ปุ่นเชื่อว่า ถ้าทำแล้วจะปัดเป่าโชคร้าย นำสิ่งดีๆ และความสุขมาให้ทีนี้ ถ้าได้ไปเที่ยวญี่ปุ่นช่วงปีใหม่ เราก็จะ enjoy กับบรรยากาศได้อย่างเต็มที่เต็มอารมณ์แล้วละนะ ขอให้ あけましておめでとうございます! กันถ้วนหน้าจ้ะ

ที่มา: http://yokosoen001.clublog.jp/e25422.html

7 มารยาทห้ามทำในต่างประเทศ

มารยาทห้ามทำในต่างประเทศ

7 มารยาทห้ามทำในต่างประเทศ ไม่งั้นคุณอาจตายได้
อันดับ 7 ห้ามแบมือต่อหน้าชาวกรีก (Extend Your Hand, Palm Outward in Greece)
สากล: พอแล้วครับอิ่มแล้วครับ (เป็นภาษากายประมาณว่าผมไม่เอา)
กรีก: “นี่นายว่าหน้าฉันมีอุจจาระเรอะ!!”
ในประเทศกรีกการแสดงอากัปกิริยาโดยการแผ่ฝ่ามือแบบนี้ต่อหน้าชาวกรีกนั้น ถือว่าเป็นการดูถูกพวกเขา ที่มาคือ ในสมัยอาณาจักรไบเวนไทน์ Byzantine เมื่อใดที่อาชญากรทำผิดกฎอาญา คนนั้นจะถูกจับขังกรงและนำขึ้นขบวนแห่บนหลังม้าไปตามท้องถนน ผู้คุมจะทาสีดำที่ใบหน้าของนักโทษเพื่อประจาน ให้ต้องอับอาย ดังนั้นเวลาชาวกรีกเห็นเราทำมือแบบนี้ จะนึกว่าเรากำลังดูถูกพวกเขาอย่างมาก เพราะเราเปรียบพวกเขาเหมือนนักโทษที่น่าอับอายนี่เอง
7 มารยาทห้ามทำในต่างประเทศ ไม่งั้นคุณอาจตายได้
อันดับ 6 ห้ามยกนิ้วโป้งที่ประเทศตะวันออกกลาง (Give the Thumbs-Up In The Middle East)
สากล: “กู๊ด มันยอดเยี่ยม”
ตะวันออกกลาง: “เดี๋ยวฉันจะเอานิ้วโป้งนายยัดรูตูดเอ็ง”
มันไม่เหมาะอย่างยิ่งที่ยกหัวนิ้วโป้งในดินแดนตะวันออกกลาง แม้ว่าการยกนิ้วโป้งจะเป็นการแสดงกิริยาสากลก็เถอะ ที่มาไม่ระบุชัด แต่สัญลักษณ์การยกนิ้วหัวแม่มือนั้นเป็นสัญญาณที่เคยใช้มากว่าพันปีมาแล้วในสมัยโรมัน การต่อสู้ในสังเวียนเลือด (โคโลเซียมหรือเวทีประลอง) พวกนักต่อสู้ (ซึ่งเป็นทาส คนผิวดำ ยิว)ที่แพ้ในเวทีจะถูกตัดสินโดยเจ้าภาพว่าจะอยู่หรือตาย เจ้าภาพจะตัดสินโดยการยกนิ้วหัวแม่มือขึ้น-ลง ถ้ายกนิ้วโป้งขึ้นจะรอด แต่ถ้ายกหัวนิ้วมือลงนักสู้คนนั้นจะโดนฆ่า สัญลักษณ์นี้ถูกนำไปเผยแพร่ทั่วอาณานิคมของโรม อย่างไรก็ตาม มันเป็นเพียงข้อสันนิษฐานเท่านั้น ซึ่งถ้าเป็นจริงความหมายดั้งเดิมของมันคงจะเป็น “อย่าฆ่านักโทษนะเว้ย เพราะตรูเป็นเจ้าชีวิตของพวกมัน”
7 มารยาทห้ามทำในต่างประเทศ ไม่งั้นคุณอาจตายได้
อันดับ 5 มารยาทอาหารในไทย/ฟิลิปปินส์/จีน (Finish Your Meal In Thailand / The Philippines / China)
สากล: นี้เป็นอาหารอร่อย แต่ตอนนี้กระเพาะผมจุไม่ได้แล้วครับ ขออภัยด้วยที่กินเหลือ
เอเชีย: มองด้วยสายตาไม่พอใจ……
ในประเทศจีน ถ้าเรากินหมดจนคำสุดท้าย มันแปลว่าเขาให้อาหารเราไม่พอกิน เพราะฉะนั้นไม่ว่าอาหารนั้นจะอร่อยแค่ไหน เราก็ต้องกินเหลือไว้อย่างน้อยคำหนึ่งเสมอ และในจีน ถ้าเรากินไปคุยไป (คุยในขณะที่อาหารเต็มปาก) และถึงกับเรอเมื่ออิ่มนั้น เป็นมารยาทดีสุดๆ (เพราะแปลว่าอาหารอร่อยมาก และเราอิ่มแปร้) และตบท้ายด้วยมุข “ว่าแต่อย่าเผลอผายลมแถมให้ด้วยล่ะ” (เพราะอันนั้นเป็นมารยาทที่ไม่ดีในทุกสังคม)
7 มารยาทห้ามทำในต่างประเทศ ไม่งั้นคุณอาจตายได้
อันดับ 4 ห้ามพบปะสนทนากับเพศตรงข้ามในซาอุดิอาระเบียโดยเปิดเผยต่อหน้าคนอื่น (Say “Hi” to a Member of the Opposite Sex in Saudi Arabia)
สากล: “สวัสดีค่ะ ยินดีที่ได้รู้จัก”
ซาอุฯ: “สวัสดี ตอนนี้คุณมีความผิดฐานร่วมประเวณีผิดศิลธรรมของประเทศเราแล้วละ ชื่อของคุณจะอยู่แฟ้มประวัติอาชญากรรมแน่นอน”
ซาอุดิอาระเบียมีกฎหมายที่เคร่งศาสนาเพื่อป้องกันการผิดศีลธรรมต่างๆ นาๆ เราอาจเห็นกฎหมายห้ามชายและหญิงมีชู้ ผู้หญิงต้องรักนวลสงวนตัว (มันก็ดีนี่น่า) แต่ถ้าใครละเมิดอาจจะได้รับบทลงโทษที่แสนรุนแรงตามมาแน่นอน หนึ่งในนั้นก็มีกฎหมายห้ามผู้หญิง(รวมถึงผู้หญิงต่างชาติ) จับมือทักทายผู้ชายต่อหน้าสาธารณชนหรือสมาคม และผู้ชายใดๆ ที่ไม่ใช่สามีของเธอโดยปราศจากผู้ที่ไปเป็นเพื่อน ซึ่งเคยมีตัวอย่างมาแล้วในเดือนกุมภาพันธ์ 2008 ผู้หญิงสหรัฐคนหนึ่งที่ติดต่องานโดยสนทนาและจับมือกับผู้ชายใน Starbucks สุดท้ายถูกจับกุมและเรื่องถึงขั้นขึ้นศาล
7 มารยาทห้ามทำในต่างประเทศ ไม่งั้นคุณอาจตายได้
อันดับ 3 ห้ามให้ดอกไม้เลขคู่ในรัสเซีย (Give an Even Number of Flowers in Russia)
สากล: “ฉันชอบเสน่ห์ของเธอเหลือเกิน เลยขอมอบดอกไม้ให้แทนความรู้สึกของเรา
รัสเซีย: “ตาย! ตาย! ตาย! อ๊ากกกกกกกก”
ในรัสเซียดอกไม้จำนวนเลขคู่ใช้ในงานศพเท่านั้น และแน่นอนถ้าเราเอาดอกไม้จำนวนคู่เป็นของขวัญให้คนรัสเซียล่ะก็มีหวังได้คืนกลับหลายดอกแน่! เพราะเหมือนเราแช่งให้เขาตายเร็ว  เวลาจะให้ดอกไม้แก่คนรัสเซียควรให้ดอกไม้เลขคี่ดีกว่า และคนรัสเซียก็ไม่ให้ความสำคัญแก่สีของดอกไม้มากนัก พูดถึงรัสเซีย รัสเซียนี้มีประวัติวัฒนธรรมประเพณีที่ยาวนาน ถ้าเราศึกษาดีๆ จะพบข้อห้ามของรัสเซียอยู่เยอะ เช่น ไม่ควรจับมือหรือหอมแก้มทักทายที่ประตูทางเข้าบ้าน ห้ามปฏิเสธการดื่มอวยพร เวลาไปเยี่ยมต้องเอาของที่ระลึกเป็นให้เจ้าบ้านด้วย เป็นต้น
7 มารยาทห้ามทำในต่างประเทศ ไม่งั้นคุณอาจตายได้
อันดับ 2 ห้ามให้ของขวัญด้วยมือซ้ายข้างเดี่ยวในบางประเทศ ( Give a Gift With Your Left Hand, Pretty Much Anywhere)
สากล: ฉันมาแสดงความยินดีกับงานแต่งลูกสาวของคุณ เธอสวยมาก ฉันขอมอบของขวัญให้แก่ลูกสาวของคุณ เพราะฉันรักคุณ (ส่งด้วยมือซ้าย)
บางประเทศ: (อีกฝ่ายคิด) ฉันมาแสดงความยินดีกับงานแต่งลูกสาวของคุณ เธอไร้ค่ามาก เหมือนอาเจียนของสุนัขที่ฉันไปเจอมา ฉันขอมอบของขวัญนี้ให้ เพราะฉันเกลียดคุณ (ว่ะ)

ในบางประเทศถือได้ว่ามือซ้ายเป็นมือที่สกปรก โสโครก เพราะเรามักใช้มือซ้ายจับได้สิ่งที่ไม่ดีหลายอย่าง เช่น เรามักใช่มือซ้ายในการชำระล้างตะหรูดดดเวลาเข้าส้วม (สำหรับคนถนัดขวานะ) นอกจากนั้นในบางวัฒนธรรมในบางประเทศเชื่อว่าคนถนัดซ้ายคือสมุน ของซาตาน ส่วนคนถนัดขวาคือมนุษย์ ซึ่งในหลายประเทศที่ห้ามส่งของขวัญด้วยมือซ้ายก็มี อินเดีย, แอฟริกา, ศรีลังกา และประเทศตะวันออกกลาง
พูดถึงการให้ของขวัญแก่คนต่างประเทศนี้ก็มีข้อควรรู้อีกเยอะ เช่น  อย่าใช้กระดาษขาวมาห่อของขวัญแก่คนจีน อย่าให้ดอกไม้สีขาวแก่ชาวบังคลาเทศ ซึ่งมันอาจเป็นมารยาทเล็กๆ ที่คุณอาจต้องรู้ไว้เวลาจะถูกมิตรกับคนต่างชาติ เพราะคนต่างชาติไม่มองคุณเป็นคนขี่ม้าที่สี่ของบันทึกทางศาสนาของยิวแน่นอน (กษัตริย์ทั้งสี่ในศาสนาคริสต์ที่มอบของขวัญแก่พระเยซูคริสต์ในช่วงประสูติ)
7 มารยาทห้ามทำในต่างประเทศ ไม่งั้นคุณอาจตายได้
อันดับ 1 ห้าม “OK” ที่บราซิล (Give the “OK” Sign in Brazil)
สากล: ตกลง!! โอเค
บราซิล: ไฮ บราซิล!! ฉันคือ ริชาร์ด นิกสัน (Richard Nixon) ของ USA ฉันกำลังจะไปแตะผ่าหมากคุณแล้ว
บราซิล คือดินแดนแห่งสาวสวย หาดทรายขาว และวัฒนธรรมเปิดกว้างเป็นมิตร แต่ถ้าเราทำมือโอเคแก่ชาวบราซิลละก็ จากมิตรจะกลายเป็นศัตรูทันใด!! ในบราซิลการทำมือ “โอเค” หรือ “ตกลง” นั้นไม่ควรนำมาใช้อย่างยิ่งเพราะการทำมือ “ตกลง” เป็นการแสดงอากัปกิริยาเทียบเท่าได้กับ “ฟักยู” ในอเมริกา (ชูนิ้วกลาง) เราไม่รู้ว่าประวัติของการห้ามทำสัญญามือของบราซิลนี้มีที่มาอย่างไร แต่มันก็เคยเกือบเป็นปัญหาระดับประเทศมาแล้ว เมื่อนิกสันมาเยือนอเมริกาและในขณะก้าวลงจากเครื่องบิน ฝูงชนรัวชัตเตอร์ถ่ายรูปประชิดตัว พร้อมกันนั้นนิกสันได้ยกมือทำสัญลักษณ์ “โอเค” ทักทายต่อหน้ากล้องและประธานาธิบดีคนแรกของบราซิล  แน่นอนคนบราซิลถึงกับผงะ!! เพราะคิดว่านิกสันจะเตะผ่าหมากคนทั้งบราซิล!!
สรุปการมาเยือนบราซิลของนิกสันในครั้งนั้น ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างเละ ด้วย ปัสสาวะ อึ ที่โถมกระหน่ำใส่รถลีมูซีนที่ท่านนั่งอยู่ตลอดสองข้างทาง…….(ที่ไม่สุภาพ เพราะว่า  การทำมือ o.k. โดยเอานิ้วโป้งแตะกับนิ้วชี้ จะเกิดเป็นรูกลมๆ  ซึ่งชาวบราซิลถือว่ารูนี้ เปรียบกับ “รูทวาร” ในภาษาของเค้าใช้คำว่า Cu “กู” ถ้าจะด่าด้วยการใช้ภาษามือนี้  ซึ่งความหมายมันจะเหมือนประโยค Vai Tomar Nu Cu อ่านว่า ” วาย โตมาร์ นู คู ” (vai = ไป , tomar = กิน , nu = เปลือย , cu = รูทวาร) ซึ่งเป็นคำด่าหยาบมาก คงประมาณว่าไปตายซะ! อะไรทำนองนี้ …) 

อ้างอิง 

http://www.fwdder.com

 

 

 

7 สิ่งที่ทำให้ชายเบื่อหญิง

7 สิ่งที่ทำให้ชายเบื่อหญิง

1. กังวลนั่น กังวลนี่ 
นิสัยนี้มักเกิดขึ้นกับผู้หญิงที่มีความคาดหวังหรือตั้งความหวังในเรื่องต่าง ๆ ไว้สูง แล้วก็เก็บมาคิดมาเป็นกังวลกลัวว่าจะไม่ได้ตามที่หวัง คิดซ้ำไปซ้ำมาจนทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่  ใครที่เป็นเช่นนี้ขอบอกว่ารีบแก้ไขด่วนนะ เพราะว่าคุณผู้ชายเค้าแอบรำคาญเล็ก ๆ อยู่ในใจแล้วแหล่ะ

2. บ่นอยู่นั่นแหล่ะ 
บ่นได้บ่นดีก็เป็นอีกนิสัยที่ดูจะติดตัวผู้หญิงมาแต่กำเนิด เพราะคุณเธอสามารถจะหยิบเรื่องนั้นเรื่องนี้มาบ่นได้ตลอด ไม่ว่าจะเป็นความไม่ดีทั้งของตัวเองและของคนอื่น หรือเรื่องรอบตัว ก็สามารถจะหยิบมาบ่น ๆ ๆๆ  ได้ตลอดเวลา ประมาณว่าบ่นแล้วทำให้สบายใจขึ้นงั้นเถอะ  อ๊ะ ๆ แต่คุณก็ต้องไม่ลืมนะคะว่าคงไม่มีใครจะมามีความสุขกับการต้องนั่งฟังคุณบ่น นั่นบ่นนี่ทั้งวันอย่างแน่นอน ดีไม่ดีจะหาคนฟังไม่ได้ด้วยอีกต่างหาก

3. ใช้อารมณ์มากกว่าเหตุผล 
จ่าหัวเช่นนี้ไม่รู้ว่าจะมีคุณสาว ๆ ท่านใดออกมาแย้งบ้างหรือเปล่านะคะ แต่คุณผู้ชายเขาก็ยืนยันกันเป็นจริงเป็นจังนะ  ว่าด้วยอิทธิพลของฮอร์โมนเพศ หญิงนั้นส่งผลให้ผู้หญิงเรามักใช้อารมณ์ในการตัดสินใจมากกว่าเหตุผล จะจริงหรือไม่จริงก็ต้องลองไปคุยกับนักขายทั้งหลายกันดูละว่าถ้าจะขายสินค้าให้บรรดาสาว ๆ ทั้งหลายซื้อนั้นต้องมีเทคนิคในการพูดอย่างไรให้คุณสาว ๆ เกิดอารมณ์ชอบมากที่สุด เพราะถ้าคุณเธอเกิดความชอบขึ้นเมื่อไรก็เมื่อนั้นล่ะค่ะ ยิ่งไปกว่านั้นคุณผู้ชายเค้ายังบอกอีกว่าถ้าจะดูว่าผู้หญิงใช้อารมณ์ในการตัดสินใจแค่ไหนก็ให้ดูได้จากการที่ผู้หญิงหลายคนยอมทนอยู่กับแฟนที่ไม่ดีก็ เพียงเพราะอารมณ์รักจนยอมทนได้ทุกอย่างไม่ว่าเค้าจะดีตอบหรือไม่ก็ตาม  อืม...ฟังดูแล้วชักเห็นด้วยซะแล้วสิ

4. ใจน้อย น้อยใจ 
อารมณ์นี้มักเกิดกับผู้หญิงที่ชอบคิดว่าตนเองด้อยหรือไม่มีค่าในสายตาคนอื่น ซึ่งเมื่อคิดว่าตัวเองไม่มีค่าแล้วก็จะพยายามแสดงอาการน้อยใจกับคนที่ตัวเองรัก เช่น แฟน เพื่อน หรือญาติพี่น้อง ซึ่งถ้าคนรอบข้างเข้าใจก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าบางคนไม่เข้าใจ ตามอารมณ์ของเธอไม่ทันก็ย่อมจะทำมาสู่ความแตกแยกมากยิ่งขึ้น อันนี้สาว ๆ ขี้ใจน้อยทั้งหลายต้องระวังกันไว้หน่อย เพราะผู้ชายเขาไม่ละเอียดอ่อนเหมือนผู้หญิงอย่างเราหรอก งอนมาก ๆ เข้าเขาจะเบื่อเอานะ

5. หูเบา เชื่อคนง่าย 
อาการนี้ผู้ชายทั้งหลายพร้อมใจกันบอกว่า "ใช่เลย นี่แหล่ะที่เขารับไม่ได้" ก็จะไม่ให้เขาว่ายังงั้นได้ไงล่ะค่ะ ถ้าอยู่ ๆ แฟนสุดที่รักเข้ามาโวยวายหรืองอนใส่ เพียงเพราะไปฟังคำพูดของคนอื่นมาโดยที่ยังไม่ได้เอ่ยปากถามความจริงกับเขาซักคำ

6. อิจฉาตาร้อน 
อันนี้เห็นได้ง่ายเมื่อเกิดการรวมตัวของกลุ่มผู้หญิงแล้วมีใครคนใดคนหนึ่งในกลุ่มเด่นเกินหน้าเกินตาขึ้นมา ส่วนจะแสดงออกมากน้อยเพียงใดนั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละคน บางคนแสดงออกกับเพื่อน บางคนแสดงออกกับแฟน ซึ่งโปรดรับรู้กันไว้เถอะว่า การแสดงอารมณ์เหล่านั้นกับคุณผู้ชายทั้งที่เขาไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรนั้นน่ะ ทำให้พวกเขานั้นสุดแสนจะเอือม ถ้าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงกันเถอะ

7. ใจอ่อน 
นิสัยนี้น่าเป็นห่วง เพราะความใจอ่อนมักทำให้เกิดความโลเลต่อการตัดสินใจ ถูกชักจูงหรือยุยงได้ง่าย แต่ก็มีข้อดีคือ หายโกรธเร็ว  ถึงกระนั้นความใจอ่อนของคุณก็สามารถจะทำให้ผู้ชายเขาเบื่อได้เหมือนกัน ถ้าคุณปล่อยให้คนโน้นคนนี้มาชี้นำแทนที่จะมีจุดยืนและมั่นคงในความคิดของตัวเอง ใครรู้ตัวว่าเข้าข่ายอาการนี้รีบปรับปรุงด่วน


อ้างอิง
 http://www.cityvariety.com/?cmd=citycontent&option=love&id=4233

อาหารประจำอาเซียน :D

อาหารประจำอาเซียน :D




ประเทศไทย (Thailand) : ต้มยำกุ้ง (Tom Yam Goong)



พม่า (Myanmar) : หล่าเพ็ด (Lahpet)



สิงคโปร์ (Singapore) : ลักสา (Laksa) เป็นก๋วยเตี๋ยวต้มยำ (ใส่กะทิ)


ฟิลิปปินส์ (Philippines) : อโดโบ้ (Adobo)


เวียดนาม (Vietnam) : Nem หรือ เปาะเปี๊ยะเวียดนาม


มาเลเซีย (Malaysia) : นาซิ เลอมัก (Nasi Lemak)


ลาว (Loas) : ซุบไก่ (Chicken Soup) 


อินโดนีเซีย (Indonesia) : กาโด กาโด (Gado Gado)


กัมพูชา (Cambodia) : อาม็อก (Amok)


บรูไน ดารุสซาลาม (Brunei Darussalam) : อัมบูยัต (Ambuyat)


# ' เอกสารอ้างอิง ' : 
http://www.aseantalk.com/index.php?topic=23.0

คำทักทายประจำชาติอาเซียน

คำทักทายประจำชาติอาเซียน 




1.ประเทศไทย  
คำทักทาย – สวัสดี